3 สัญญาณจากเกมแพ้ แอสตัน วิลล่า กลายเป็นเหมือนรอยร้าวเส้นเล็กที่มองผ่านๆ อาจไม่เห็นอะไร แต่เมื่อมองแบบคนอยู่ในสนามจริงๆ จะสัมผัสได้เลยว่ามันคือมวลพลังที่พร้อมสะเทือนเส้นทางลุ้นแชมป์ของอาร์เซน่อลแบบไม่เกรงใจใคร ทั้งที่ก่อนหน้าเกมนี้ ทีมของอาร์เตต้าถูกมองว่าเครื่องฟิต สภาพจิตใจดีสุดขีด และแทบไม่มีคู่แข่งหน้าไหนในอังกฤษหยุดพวกเขาได้ แต่พอสะดุดทีเดียว ความรู้สึกในหมู่แฟนปืนก็เปลี่ยนทันที ถึงขั้นมีคนพูดว่า แฟนปืนเริ่มขนลุก เพราะมันไม่ใช่แค่ความพ่ายแพ้ธรรมดา แต่มันซ่อนสัญญาณที่ต้องรีบแก้ก่อนจะสายเกินไป
ด้านลึกของเกมนี้ยังมีความจริงบางอย่างที่คนดูผ่านหน้าจออาจไม่ทันสังเกต แต่ถ้าดูแบบคนยืนริมสนาม เห็นภาษากาย เห็นท่าทางการสั่งการ เห็นจังหวะที่ผู้เล่นลังเลแม้เพียงเสี้ยววินาที ภาพมันชัดเจนขึ้นมาก และนี่คือสิ่งที่น่าสนใจกว่าแค่ผลสกอร์
เกมรับที่สูญเสียความนิ่งเมื่อไม่มีคู่หูเซ็นเตอร์ตัวเก่ง
ถ้าย้อนกลับไปดูช่วงที่อาร์เซน่อลฟอร์มแรงต้นฤดูกาล จุดเด่นที่ทำให้พวกเขาดูเหนือกว่าทีมอื่นไม่ใช่แค่ความดุดันเวลาเข้าทำ แต่เป็นความมั่นใจแบบยืนพื้นจากคู่เซ็นเตอร์อย่างมากัลเญสกับซาลิบาที่เล่นกันเหมือนรู้ใจแบบไม่ต้องเหลียวมองกันด้วยซ้ำ คนที่ติดตามพรีเมียร์ลีกจะรู้ดีว่าแผงหลังที่นิ่งจะช่วยให้มิดฟิลด์เล่นง่ายและหน้าเป้าทำงานได้เต็มประสิทธิภาพ แต่พอขาดมากัลเญสและซาลิบา ความไหลลื่นตรงนี้หายวับเหมือนโดนปิดสวิตช์
ในเกมกับวิลล่า อาร์เตต้าต้องจำใจปรับระบบแบบไม่มีเวลาให้ทีมจูนมากนัก อินกาปีเอกับทิมเบอร์ถูกจับมายืนคู่กลาง แม้จะมีศักยภาพ แต่การประสานงานหลายจังหวะยังไม่เข้าที่ เห็นชัดที่สุดคือการตัดสินใจเวลาที่บอลโดนบีบเร็วๆ ทำให้เกิดช่องว่างแบบไม่ควรเกิดขึ้นในทีมลุ้นแชมป์ โดยเฉพาะประตูแรกที่คาลาฟิออรี่สกัดผิดจังหวะ และยังมีหลายหน้าเกมที่อินกาปีเอเสียจังหวะเล็กๆ ที่คนดูอาจไม่ทันสังเกต แต่ในสนามจะได้ยินเสียงสื่ออังกฤษถอนหายใจตามกันเป็นแถว
ที่สำคัญคือเรื่องลูกกลางอากาศที่ก่อนหน้านี้อาร์เซน่อลแทบไม่กลัวใคร เพราะมากัลเญสและซาลิบาขึ้นโหม่งเก็บกินเกือบหมด นี่เป็นจุดแข็งสำคัญที่ช่วยทีมได้ทั้งเกมรับและเกมรุก แต่ตอนนี้ความได้เปรียบตรงนั้นหายไปชัดเจน ซึ่งในพรีเมียร์ลีกเรื่องแบบนี้มีผลมากแบบไม่น่าเชื่อ
3 สัญญาณจากเกมแพ้ แอสตัน วิลล่า ที่สะท้อนปัญหาหน้าเป้าที่ยังแก้ไม่ตก
แม้ใครจะบอกว่าเกมรุกอาร์เซน่อลมีตัวเลือกเยอะ แต่ในความจริงเกมนี้ทำให้เห็นว่าปัญหาหน้าเป้าไม่ใช่เรื่องเล็กอีกต่อไป เมรีโน่ถูกดันมายืนหัวหอกตัวจริง ซึ่งเป็นตำแหน่งที่เจ้าตัวไม่ถนัดเต็มร้อย ทำให้จังหวะพักบอลและประสานงานกับแนวรุกคนอื่นออกมาแบบขาดๆ เกินๆ ชนิดที่ตอนอยู่ในสนามจะเห็นชัดว่ามิดฟิลด์สองคนต้องลงมาช่วยดึงบอลขึ้นมากกว่าปกติ
ส่วนโยเคเรสที่แฟนหลายคนหวังว่าเป็นคำตอบของทีม ก็เริ่มต้นเกมด้วยพลังบวกดีมาก แต่หลังจากนั้นคืนฟอร์มเก่งยังไม่มา จังหวะการเคลื่อนที่หลายครั้งเหมือนยังติดระบบโปรตุเกสมากไปหน่อย บางทีเขาอาจต้องการเวลาเปลี่ยนความเคยชินและเพิ่มสภาพร่างกายให้เข้ากับพรีเมียร์ลีกที่เน้นสปีดและแรงปะทะ
คนอยู่ในสนามจะเห็นเลยว่าเวลาบุกขึ้นฝั่งขวา โอเดการ์ดต้องมองหาตัวเลือกอยู่หลายวินาทีกว่าจะจ่าย และหน้าเป้าทั้งสองคนยังไม่สามารถเปิดพื้นที่ให้เพื่อนหาใบสั่งได้เหมือนที่อาร์เซน่อลต้องการ นี่เป็นจุดที่ทีมต้องแก้แบบเร่งด่วน เพราะท้ายฤดูกาลทุกคะแนนจะหนักขึ้นสามเท่า การยิงให้ได้เร็วและจบสถานการณ์ต้องเป็นจุดที่ทีมมั่นใจที่สุด
แต่ถึงอย่างนั้น ถ้าโยเคเรสปรับตัวได้ทันในเดือนสองเดือนนี้ โอกาสกลับมาเป็นจุดเปลี่ยนให้ทีมลุยต่อก็มีอยู่ไม่น้อย สิ่งที่สำคัญคือเขาต้องได้โอกาสมากขึ้น และอาร์เซน่อลต้องปรับทรงให้เหมาะกับเขาจริงๆ ไม่ใช่จับลงสนามแบบตามสถานการณ์เหมือนที่ผ่านมา ufabet
3 แมนเชสเตอร์ ซิตี้ เริ่มเข้าจังหวะที่ทำให้ทุกทีมต้องระวัง
ทีมที่ลุ้นแชมป์รู้ดีว่า ถ้าแมนซิตี้เครื่องติดเมื่อไหร่ ความกดดันจะตามหลอกทุกสโมสรตลอดทาง และเกมล่าสุดที่พวกเขาคว้าชัยแบบนิ่งเกินไปนี่แหละ ทำให้อาร์เซน่อลต้องมองย้อนกลับมาที่ตัวเองว่าพลาดอะไรไปบ้าง
ซิตี้เป็นทีมประเภทที่เริ่มต้นช้าบ้างเป็นเรื่องปกติ แต่พอเข้าช่วงกลางฤดูกาล พวกเขามักกวาดแต้มแบบไม่หลุดมือ ความนิ่งของระบบ ความเข้าใจของผู้เล่น และความมั่นใจเวลาบุกใส่คู่แข่งเป็นจุดที่อาร์เซน่อลต้องจับตา เพราะหากเสียคะแนนแม้จุดเดียวต่อจากนี้ ซิตี้พร้อมแซงทุกเมื่อ
และนี่ไม่ใช่แค่เรื่องของฟอร์มในสนาม แต่เป็นเรื่องของแรงกดดันแบบเป็นลูกโซ่ นักเตะอาร์เซน่อลหลายคนยังไม่เคยแบกรับความคาดหวังระดับนี้แบบยาวๆ ขณะที่ซิตี้เล่นเหมือนงานประจำในแต่ละปี นี่คือความต่างที่ไม่ใช่จะลบล้างกันง่ายๆ
3 สัญญาณจากเกมแพ้ แอสตัน วิลล่า ที่บอกว่าอาร์เซน่อลยังต้องเติบโตอีกขั้น
เกมนี้ให้บทเรียนหลายอย่าง ทั้งเรื่องวุฒิภาวะในเกมใหญ่ การตัดสินใจเมื่อโดนกดดัน และการรับมือกับสถานการณ์ที่ระบบหลักใช้ไม่ได้ การจะคว้าแชมป์พรีเมียร์ลีกไม่ใช่แค่การเล่นดีในวันที่ทีมพร้อม แต่ต้องรับมือกับวันที่ทุกอย่างผิดแผนเหมือนเกมนี้ด้วย
อาร์เซน่อลยังมีศักยภาพเหลือเฟือ แต่ทีมชุดนี้ต้องข้ามกำแพงบางอย่างให้ได้ นั่นคือการรับมือแรงกดดันระดับแชมป์โดยไม่ปล่อยให้ฟอร์มแกว่งแม้เพียงเกมเดียว เพราะซิตี้จะไม่รอใครทั้งนั้น
หากอาร์เซน่อลดึงฟอร์มกลับมาให้เร็ว ปรับเกมรับให้แน่นเหมือนเดิม และจัดการบทบาทหน้าเป้าให้ลงตัว พวกเขายังมีลุ้นแบบเต็มตัว แต่อีกมุมหนึ่ง เกมแพ้วิลล่าครั้งนี้ก็เตือนว่าเส้นทางลุ้นแชมป์ไม่เคยง่าย และทุกจุดเล็กๆ พร้อมสร้างความต่างเสมอ