แมนยู ชู มาร์คัส แรชฟอร์ด

แมนยู ชู มาร์คัส แรชฟอร์ด ขึ้นทำเนียบนักเตะระดับตำนานอย่างเป็นทางการ พร้อมใส่ชื่อไว้บนเว็บไซต์ของสโมสร ซึ่งพอเห็นประกาศนี้ หลายคนอาจรู้สึกทั้งดีใจและประหลาดใจปนกัน เพราะสถานการณ์ปัจจุบันเจ้าตัวไม่ได้อยู่ที่โอลด์ แทรฟฟอร์ดด้วยซ้ำ แถมยังไปค้าแข้งกับบาร์เซโลน่าแบบยืมตัวอีกต่างหาก แต่ถ้าลองถอยออกมาสักหนึ่งก้าว แล้วมองเส้นทางทั้งหมดแบบไม่ใส่อารมณ์ คุณจะเห็นภาพชัดขึ้นว่าการยกให้เขาเป็นตำนาน ไม่ได้มาจากกระแสชั่วครั้งชั่วคราว แต่มาจากฐานผลงานและความผูกพันที่หยั่งรากลึกจริงๆ โดยผมจะเล่าให้เหมือนเพื่อนคุยกันในสนามบอล ไม่เน้นภาษาทางการ เพื่อให้คุณเห็นภาพความหมาย และเข้าใจว่าทำไมแฟนผีหลายคนมองว่าเขาคู่ควร

แมนยู ชู มาร์คัส แรชฟอร์ด กับจุดเริ่มต้นของดาวเตะที่โตมาจากเมืองนี้จริงๆ

สิ่งหนึ่งที่ทำให้แรชฟอร์ดแตกต่างจากนักเตะยุคใหม่จำนวนมาก คือเขาเป็นเด็กที่เติบโตในเมืองแมนเชสเตอร์จริงๆ ไม่ใช่ซื้อเข้ามา ไม่ใช่ผลผลิตจากดีลคึกคักในตลาดนักเตะ แต่เป็นผลลัพธ์ของการปลูกฝังระยะยาว ตั้งแต่ระดับเยาวชนเริ่มต้นในวัยเพียงเจ็ดขวบ เขาซึมซับวิถีฟุตบอลแบบแมนยูมาตั้งแต่รั้วอะคาเดมี ทักษะ ความคิด และวิธีเล่นของเขาถูกหล่อหลอมจากวัฒนธรรมลูกหนังผีแดงตั้งแต่ยุคหลังคลาส ออฟ 92

พูดกันตรงๆ เลยว่า ไม่ว่าคุณจะชอบหรือไม่ชอบแรชฟอร์ดในช่วงหลัง ความจริงอย่างหนึ่งคือเขาคือหนึ่งในไม่กี่คนที่ปลุกความหวังให้แฟนผีในวันที่ทีมฟอร์มตกหนัก เขาเป็นแหล่งพลังงานในสนาม เป็นคนที่เล่นด้วยไฟในช่วงที่คนอื่นเล่นแบบเหนื่อยอ่อน และในหลายฤดูกาล เขาเป็นเหมือนเครื่องจักรที่ช่วยให้ทีมยังพอมีตัวตนบนหัวตารางของพรีเมียร์ลีก

ถ้าจะให้พูดแบบเห็นภาพที่สุด คือหากคุณเคยดูเกมแรกที่เขาประเดิมทีมชุดใหญ่ในศึกยุโรปกับมิดทิลแลนด์ นัดนั้นคือการแจ้งเกิดระดับสายฟ้าฟาด ยิงสองลูกในค่ำคืนเดียว และกลายเป็นสถิติผู้เล่นอายุน้อยที่สุดของสโมสรที่ยิงในเกมยุโรปในตอนนั้น เพียงเท่านี้ก็พอจะมองออกว่าเขามีของมาตั้งแต่ยังเด็ก

เส้นทางสิบปีที่พัฒนาไม่หยุด และซีซั่นที่ร้อนแรงที่สุดในชีวิต

ตลอดระยะเวลาสิบซีซั่นหลังจากเดบิวต์ แรชฟอร์ดค่อยๆ เปลี่ยนจากดาวรุ่งเป็นแกนหลัก โดยเฉพาะในยุคที่ทีมขาดความมั่นคง เขาเป็นหนึ่งในคนที่แฟนผียังฝากความหวังไว้ได้ แม้ทีมจะไม่เสถียรเหมือนยุคทอง แต่เขายังสร้างจังหวะอันตรายได้ทุกครั้งที่จับบอล

ซีซั่น 2022-23 เป็นฤดูกาลที่บอกได้เต็มปากว่าเป็นปีทองของเขา ยิงรวมกันสามสิบประตูพร้อมเก้าแอสซิสต์จากทุกรายการ สร้างตัวเลขที่กองหน้าฝีเท้าคมหลายคนยังต้องมองค้อน เหมือนเขากลับมามีไฟที่หลายคนคิดว่าหมดไปแล้ว

เขายังเก็บแชมป์กับทีมชุดใหญ่ไว้หลายใบ โดยมีทั้งยูโรปา ลีก ลีก คัพ และเอฟเอ คัพ บางคนอาจมองว่ายุคนี้ไม่ใช่ยุคที่แมนยูครองความยิ่งใหญ่เหมือนเดิม แต่สิ่งที่ต้องยอมรับคือในยุคที่ทีมยังไม่ลงตัว เขาคือหนึ่งในตัวพาดผ่านช่วงรอยต่อสำคัญ และเมื่อรวมกับภาพลักษณ์ ความทุ่มเท และการเป็นเด็กบ้านเกิด สิ่งเหล่านี้ยิ่งเพิ่มน้ำหนักให้นิยามคำว่า ตำนาน

และในช่วงที่มีข่าวดังอย่าง วูล์ฟส์ พบ แมนยู ช่วงต้นซีซั่นก่อนที่ผ่านมา เขาคือหนึ่งในคนที่ยังรักษามาตรฐานการเล่นได้ดีแม้ทีมจะสะดุดในบางช่วง

แมนยู ชู มาร์คัส แรชฟอร์ด กับความขัดแย้งและการเดินออกจากโรงละครแห่งความฝัน

แน่นอนว่าทางเดินของนักฟุตบอลไม่เคยราบเรียบ และช่วงหลังเป็นช่วงที่แฟนบอลเห็นชัดว่าแรชฟอร์ดมีปัญหากับรูเบน อโมริม จนความสัมพันธ์ขาดสะบั้น กระทั่งถูกปล่อยไปให้บาร์เซโลน่ายืมใช้งาน

ผมต้องบอกอย่างตรงไปตรงมาว่า เหตุการณ์นี้คือรอยแผลที่หลายคนเสียดาย เพราะนักเตะที่โตมากับสโมสร มักอยากจบอาชีพด้วยบทสรุปสวยๆ แต่ฟุตบอลก็เหมือนชีวิตจริง ไม่ใช่ทุกอย่างจะเป็นไปตามภาพในหัว และบางครั้งการแยกจากกันก็เป็นสิ่งจำเป็นทั้งสองฝ่าย

คำถามสำคัญตอนนี้คือบาร์ซ่าจะซื้อขาดหรือไม่ ส่วนตัวผมมองว่าการตัดสินใจจะเกิดขึ้นตามฟอร์มของเขาในครึ่งหลังของฤดูกาล เพราะบาร์ซ่าเองก็มีเงื่อนไขการเงินที่ต้องระวัง แต่ถ้าแรชฟอร์ดกลับมาเล่นด้วยไฟแบบเดิม เขาอาจได้เซ็นถาวร หรืออย่างน้อยทำให้ตลาดยุโรปสนใจเขาอีกครั้ง

สิ่งสำคัญคือการออกจากแมนยู ไม่ได้ลบล้างคุณค่าที่เขาสร้างในสิบกว่าปีที่ผ่านมา เหมือนที่ตำนานหลายคนในอดีตเคยย้ายออก แต่สุดท้ายสโมสรยังคงยกย่องพวกเขาเสมอ

เส้นทางต่อจากนี้และเหตุผลว่าทำไมชื่อของเขาถึงสมควรอยู่ในทำเนียบตำนาน

การขึ้นชั้นเป็นตำนานของแรชฟอร์ดในมุมมองของผมนั้น ไม่ใช่เพราะสโมสรอยากสร้างกระแส แต่เพราะเขาทำครบทุกคุณสมบัติ ตั้งแต่ความจงรักภักดี ผลงานในสนาม ผลงานระดับทีมชาติ สถิติการทำประตู ความเป็นกำลังสำคัญในยุคเปลี่ยนผ่าน และภาพจำมากมายที่แฟนผีจะไม่มีวันลืม ซึ่งถ้าใครติดตามฟุตบอลผ่านแพลตฟอร์มต่างๆ อย่าง ufa800 ก็จะยิ่งเห็นชัดว่าพัฒนาการของเขามีความต่อเนื่องแค่ไหน

ลองนึกถึงสัญลักษณ์ของทีมในยุคหลังเฟอร์กี้ ไม่ว่าจะชอบหรือไม่ เขาคือหนึ่งในชื่อที่โดดเด่นที่สุด และเป็นนักเตะที่มีบทบาททั้งในสนามและนอกสนาม เขาคือภาพแทนของเด็กเมืองแมนเชสเตอร์ที่โตขึ้นมาสวมเสื้อเบอร์ดัง และก้าวขึ้นมาพาทีมคว้าแชมป์ในวันที่ทีมขาดผู้นำ

ปัจจุบันเขาอาจไม่ได้อยู่กับทีม แต่เรื่องราวของเขายังไม่จบ อนาคตยังเปิดกว้าง จะกลับมาหรือจะออกเดินทางต่อก็เป็นไปได้ทั้งนั้น และทุกก้าวบนเส้นทางนี้จะยังถูกจับตามองเสมอโดยแฟนบอลที่เคยเชียร์เขามาตั้งแต่ยังเป็นเด็กวัยรุ่นผอมบางในอะคาเดมี

ท้ายที่สุด ผมอยากเติมมุมเล็กๆ ว่าแฟนบอลยุคนี้มีความเห็นต่างกันได้ แต่สิ่งที่นักเตะแบบแรชฟอร์ดให้ทีมมานานกว่าสิบปี ไม่มีใครปฏิเสธได้ และนี่คือเหตุผลที่ชื่อของเขาคู่ควรกับทำเนียบนักเตะระดับตำนานของสโมสรอย่างแท้จริง