มาดริด แพ้ เซลต้า คาบ้าน

มาดริด แพ้ เซลต้า คาบ้าน มันไม่ใช่แค่ผลสกอร์ แต่เป็นเหมือนแรงกระแทกที่สะเทือนทั้งอารมณ์ แท็คติก และโครงสร้างทีมในค่ำคืนที่เบร์นาเบวเต็มไปด้วยความสับสนแบบจับต้องได้จริงๆ ถ้าคุณยืนอยู่ในสนามตอนนั้น คุณจะรู้เลยว่าบรรยากาศมันไม่ใช่เกมธรรมดา เหมือนทีมทั้งทีมแบกความกดดันสะสมมาตลอดหลายสัปดาห์ แล้วจังหวะปะทุทั้งหมดมันมาใส่เกมนี้แบบไม่เก็บอาการเลยสักนิด

สิ่งแรกที่เห็นชัดตั้งแต่ต้นเกมคือมาดริดดูเชื่องช้า แปลกไปจากความคมระดับทีมลุ้นแชมป์ บางจังหวะเหมือนนักเตะคิดไม่ตรงกัน บางช่วงจังหวะผ่านบอลมันขาดความมั่นใจแบบที่มักไม่เกิดในบ้านตัวเอง แถมจังหวะโดนใบแดงมันเหมือนเร่งให้ทุกอย่างพังเร็วขึ้นหลายเท่า

สำหรับคนที่ติดตามฟุตบอลแบบจริงจังจะรู้เลยว่าจังหวะแบบนี้มันไม่ใช่เรื่องของฟอร์มอย่างเดียว แต่มันรวมอารมณ์ สภาพจิตใจ และการตัดสินใจในเสี้ยววินาที ซึ่งทุกอย่างในเกมนี้มันออกทะเลพร้อมกันหมด

มาดริด แพ้ เซลต้า คาบ้าน จุดแตกหักคือใบแดงสามใบและการสื่อสารที่วุ่นวาย

ถ้าให้เล่าว่ามันเริ่มลุกเป็นไฟตรงจุดไหน ต้องบอกว่าเริ่มตั้งแต่ใบแดงของฟราน การ์เซีย นาที 64 จังหวะนั้นในสนามแฟนบอลยังงงว่าทำไมถึงตัดสินเร็วขนาดนั้น นักเตะเองก็ดูเหมือนไม่พอใจเพราะคิดว่ายังพอถกได้ แต่มันถูกเป่าตัดสินเฉียบพลันแบบไม่ให้เวลาตั้งตัวเลย

จากนั้นสถานการณ์เหมือนโดนเร่งให้พังหนักขึ้นตอนการ์เรราสโดนใบแดงจากอารมณ์หลังเกมเข้าสู่ช่วงทดเวลา และล่าสุดที่ทำเอาคนในสนามถึงกับอึ้งคือใบแดงของเอ็นดริค ทั้งที่นั่งอยู่บนม้านั่งสำรองแต่ยังโดนจากการประท้วงคำตัดสินแบบไม่ทันตั้งสติ

ตรงนี้แหละที่กลายเป็นน้ำมันก้อนใหญ่สาดเข้ากองไฟ ช่วงนั้นผมนั่งสังเกตข้างสนามแล้วรู้สึกชัดเลยว่าเกมไม่ได้เดินตามแท็คติกแล้ว แต่มันกลายเป็นเกมของอารมณ์ล้วนๆ ใบหน้าและภาษากายของนักเตะมาดริดตอนนั้นมันคือภาพของทีมที่สติหลุดออกจากเกมไปไปไกลมาก ทั้งโค้ช นักเตะ ตัวสำรอง ทุกคนดูเหมือนอยู่บนแรงอัดที่รอระเบิดอยู่ตลอดเวลา

พอบวกกับจังหวะที่เบลลิงแฮมโดนใบเหลืองจากการเข้ามาในสนามหลังการปฐมพยาบาล ทั้งที่ฝ่ายมาดริดยืนยันว่าสมัครยอมรบว่าผู้ช่วยผู้ตัดสินอนุญาตแล้ว ความโกลาหลมันเลยหนักขึ้น เพราะมันไม่ใช่แค่ฟอร์มที่หลุด แต่มันคือความไม่สอดคล้องของการสื่อสารในสนามแบบชัดเจน

เมื่อเสียงกู่ร้องของชาบี อลอนโซ่ สะท้อนภาพทีมที่ควบคุมตัวเองไม่อยู่

หลังจบเกมชาบี อลอนโซ่ให้สัมภาษณ์ด้วยน้ำเสียงที่บอกทุกอย่างชัดกว่าสถิติในเกม เขาไม่พอใจผู้ตัดสินแบบไม่ต้องตีความว่าหมายถึงอะไร เพราะเขาบอกตรงว่าการทำหน้าที่ในเกมนี้ทำให้ทีมของเขาสติแตกไปหมด และบอกด้วยว่าผู้ตัดสินเหมือนจ้องให้ใบแดงในบางจังหวะโดยเฉพาะการ์เรราส

ในฐานะคนที่ติดตามทีมชุดนี้มาอย่างยาวนาน ต้องยอมรับว่านี่คือหนึ่งในครั้งที่โค้ชมาดริดออกอาการชัดเจนที่สุดแบบไม่พยายามเก็บอารมณ์ด้วยซ้ำ ซึ่งมีเหตุผลนะ เพราะในเกมระดับสูง ความสม่ำเสมอในการตัดสินเป็นเรื่องสำคัญมากกว่าที่หลายคนคิด การปล่อยให้คู่แข่งถ่วงเวลาโดยไม่เตือน หรือการเป่าหยุดเกมหลายครั้งเกินจำเป็น มันทำให้จังหวะของทีมที่พยายามเร่งเกมเสียหายแบบน่าเสียดายจริงๆ

และอีกประโยคหนึ่งของอลอนโซ่ที่สะกิดใจสุดๆ คือการยอมรับว่าในช่วงที่เหลือ 10 คน ทีมกลับวิ่งเยอะขึ้น ขยันมากขึ้น และดูมีความตั้งใจมากกว่าตอนที่ยังมีผู้เล่นครบ 11 คน นี่ไม่ใช่เรื่องที่โค้ชอยากพูด แต่มันสะท้อนความจริงที่ตรงแบบไม่หลบว่าทีมขาดแรงกระตุ้น ขาดความคม และบางคนเหมือนลงไปด้วยสภาพจิตใจที่ยังไม่พร้อม

ถ้าคุณฟังแบบวิเคราะห์ลึกๆ จะเห็นเลยว่าประโยคนี้มันไม่ใช่การดุแบบทั่วไป แต่มันคือเสียงระบายของโค้ชที่เห็นว่าทีมต้องรีสตาร์ททั้งพลังและทัศนคติใหม่หมด ซึ่งบอกตามตรงว่าไม่แปลกที่ตอนนี้หลายสื่อ รวมถึง ufabet และ สื่อวิเคราะห์ ชาบี อลอนโซ่ จะเริ่มพูดตรงกันว่ามาดริดกำลังอยู่ในช่วงที่ต้องกลับมาจูนองค์ประกอบภายในอย่างจริงจัง

มาดริด แพ้ เซลต้า คาบ้าน มุมมองแบบอยู่ในสนามจริงและสิ่งที่ทีมต้องแก้

ผมขอเล่าฟีลแบบคนยืนติดขอบสนามนะ บางคนอาจคิดว่าใบแดงสามใบคือจุดตาย แต่จริงๆ สิ่งที่น่าห่วงกว่าคือความหลุดของระบบและจังหวะที่ไม่ประสานกันทั้งทีม ช่วงที่ยัง 11 คนอยู่ในสนาม การเคลื่อนที่ไม่มีจังหวะไล่เพรสเหมือนเกมก่อนหน้า การผ่านบอลบางครั้งเหมือนเล่นซ้อนความลังเลไว้ตลอดเวลา และจังหวะเข้าทำก็ขาดการสนับสนุนที่เคยเป็นจุดเด่น

ส่วนเซลต้าเองต้องชมว่าพวกเขาเล่นนิ่งมาก รับมือเกมที่ค่อนข้างเดือดได้ดีและใช้โอกาสที่มีน้อยกว่าแต่เฉียบกว่า ส่วนมาดริดเหมือนอยู่ในจังหวะที่แผนทุกอย่างมันส่งสัญญาณขัดแย้งกันเอง ทั้งความคาดหวังของแฟนบอล ความกดดันของตารางคะแนน และสภาพทีมที่ไม่สมบูรณ์เต็มร้อย

แต่ถึงอย่างนั้น เกมนี้มันก็มอบบทเรียนที่โค้ชและนักเตะต้องเก็บกลับไปแบบไม่ควรหลุดแม้แต่นิดเดียว นั่นคือการควบคุมอารมณ์ การประคองจังหวะในเกมตึงๆ และการรักษาความกระตือรือร้นให้ได้ตั้งแต่นาทีแรกจนจบ ซึ่งทีมระดับมาดริดรู้ดีว่าแค่ทำพลาดนิดเดียวมันอาจเป็นรอยแผลที่ลากยาวไปหลายสัปดาห์